รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าในระยะยาวและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและบำรุงรักษาเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่เงียบและนุ่มนวล ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ หรือการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ คำถามที่ว่า “รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี?” จึงกลายเป็นคำถามสำคัญที่หลายคนกำลังค้นหาคำตอบในปี 2025 บทความนี้จะพาคุณไปเปรียบเทียบ 5 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าใช้งานที่สุด ทั้งในแง่ของราคา สมรรถนะการขับขี่ และฟีเจอร์เด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณได้ข้อมูลครบถ้วนและตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ พร้อมแล้ว เตรียมพบกับข้อมูลที่ช่วยให้การเลือก EV คันต่อไปของคุณง่ายขึ้นและตรงใจที่สุด

ตารางเปรียบเทียบรถไฟฟ้า

BEV Minibus 7.3 m (Stream X)

BEV Minibus 7.3 m (Stream X) โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกการใช้งานของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะด้านขนส่งและบริการสาธารณะ ตัวรถรองรับผู้โดยสารได้ 20+1 ที่นั่ง พร้อมติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (Cruise Control), ระบบเบรกไฟฟ้า (EBS), รีเจนเนอเรทีฟเบรก (Regenerative Braking) ที่ช่วยชาร์จพลังงานกลับขณะเบรก และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติผ่านหน้าจอดิจิทัล ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น มีช่องเสียบชาร์จเร็วแบบ DC ที่รองรับมาตรฐานสากล พร้อมแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งยังมาพร้อมระบบแอร์ภายในรถแบบแยกโซน ปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่ ในราคาประมาณ 3,630,000 บาท ถือว่าคุ้มค่าสำหรับรถ EV เชิงพาณิชย์ที่มีฟีเจอร์ครบครัน พร้อมรองรับอนาคตของระบบขนส่งอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

BEV Minibus 7.3 m (Stream X)

BEV Tractor 10W 50.5T 6×4

NEX EV Tractor จาก Nex Point เป็นรถหัวลากไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขนส่งเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ รองรับงานหนักด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 423.93 kWh วิ่งได้ไกล ประมาณ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ พร้อมระบบ MBS Tracking ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตาม ตรวจสอบ และบริหารจัดการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และควบคุมงานได้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์ล้ำเท่ารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ที่ต้องการลดมลพิษ พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งสะอาดอย่างยั่งยืน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • BEV Tractor 10W 50.5T 6×4 Entry ราคา 3,590,000 บาท
  • BEV Tractor 10W 50.5T 6×4 Extra ราคา 4,290,000 บาท
BEV Tractor 10W 50.5T 6x4

Farizon C10E

Farizon C10E รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลางจาก Geely Commercial Vehicles รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นนี้มาพร้อมดีไซน์ทันสมัยและขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง รองรับระยะวิ่ง 200–300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ เหมาะกับงานขนส่งภายในเมืองหรือระยะใกล้ จุดเด่นคือ ต้นทุนการใช้พลังงานต่ำ และ การดูแลรักษาง่าย พร้อมฟีเจอร์มาตรฐาน เช่น หน้าจอแสดงผลดิจิทัล ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบเตือนความปลอดภัยต่าง ๆ ถือเป็นรถบรรทุก EV ที่เข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม เริ่มต้นเพียง 1 ล้านต้น ๆ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทดลองใช้รถไฟฟ้าก่อนลงทุนในรุ่นที่ใหญ่กว่า

Farizon C10E

MINE Bus

MINE Bus รถโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาโดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่พัฒนาโดยทีมวิศวกรไทย 100% เพื่อตอบโจทย์การเดินทางสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนขนาด 250–350 kWh สามารถชาร์จเร็วภายใน 15 นาที วิ่งได้ไกลสุดถึง 350 กม. และทำความเร็วได้สูงสุด 80 กม./ชม. เหมาะสำหรับทั้งการให้บริการในเมืองหรือวิ่งระหว่างจังหวัด และยังสามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาในระยะยาวได้อย่างชัดเจน มีให้เลือกหลายขนาด

  • MINE BUS 12 ที่นั่ง ราคา 2,889,000 บาท
  • MINE BUS 45 ที่นั่ง ราคา 5,100,000 บาท
MINE Bus

CP FOTON

CP FOTON รถบรรทุกไฟฟ้าขนาด 6 ล้อที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนส่งในเมืองและระยะใกล้-ปานกลาง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ FTTB064 กำลัง 156 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ LiFePO₄ จาก CATL ขนาด 81.14 kWh รองรับระยะทางสูงสุด 220 กม./ชาร์จ นอกจากนี้ยังมาพร้อม เครื่องชาร์จ AC ขนาด 7 kW รวมอยู่ในแพ็กเกจ ทำให้สะดวกในการติดตั้งและเริ่มใช้งานทันที จุดเด่นคือค่าดูแลรักษาต่ำ ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือดูแลระบบเชื้อเพลิงแบบรถดีเซล และช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการทดลองใช้รถขนส่งพลังงานสะอาดที่ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีให้เลือก 2 รุ่น

  • CP-Foton iBlue65 Cargo Truck 4W 4.5T 4×2 ราคา 1,190,000 บาท
  • CP-Foton iBlue65 Cargo Truck 6W 4.5T 4×2 ราคา 3,300,000 บาท
CP FOTON

ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงได้รับความนิยมในไทย?

เหตุผลที่คนไทยนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นมีหลายปัจจัย ซึ่งมีปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้

  • ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น: ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้บริโภคมองหารถยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า
  • นโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล: มาตรการลดภาษีและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลช่วยให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: รถยนต์ไฟฟ้าไม่ปล่อยไอเสีย ทำให้ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศและเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขภาวะโลกร้อน
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูงถ้าเทียบกับน้ำมัน: ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้าถูกกว่าค่าน้ำมันมาก และค่าบำรุงรักษาก็น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป

สรุป

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งจากความต้องการลดมลพิษและการสนับสนุนของภาครัฐในหลายประเทศ ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามากขึ้น รถไฟฟ้าจึงมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไปจนถึงยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ เช่น มินิบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์ทั้งความคุ้มค่าและการใช้งานที่ยั่งยืน พร้อมทั้งราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ตลาดรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี และกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ BEV Minibus 7.3 m (Stream X) โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ระบบความปลอดภัยครบครัน และระยะทางขับขี่ไกลสูงสุดในระดับเดียวกัน พร้อมราคาคุ้มค่า เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในเมืองและธุรกิจที่ต้องการประหยัดพลังงานและลดมลพิษ

คำถามที่พบบ่อย FAQ


แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานนานแค่ไหน? ต้องเปลี่ยนบ่อยไหม?

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานเฉลี่ย 10-20 ปี หรือประมาณ 150,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและพฤติกรรมการขับขี่ แต่สิ่งที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยรู้ คือ การชาร์จแบตเตอรี่รถบ่อยเกินไป หรือปล่อยให้แบตเตอรี่ใกล้หมดแล้วค่อยชาร์จ อาจจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ ดังนั้นแนะนำให้อ่านคำแนะนำ และคอยดูแลแบตอย่างใกล้ชิดเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน


ถ้าแบตเตอรี่หมดกลางทางจะทำยังไง? แล้วชาร์จไฟนานไหม?

ถ้าแบตเตอรี่หมดกลางทาง อันดับแรกเลยควรจะโทรแจ้งผู้ให้บริการยกรถ หรือบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณได้ทำการซื้อไว้ เพื่อนำรถไปชาร์จที่สถานีใกล้เคียงที่สุด นอกจากนี้ในบางพื้นที่ยังมี บริการชาร์จแบตเตอรี่ฉุกเฉินเคลื่อนที่ ที่สามารถเข้ามาช่วยได้ถึงที่ ระยะเวลาในการชาร์จเร็วที่สุด คือที่สถานี ใช้เวลาเพียง 30-60 นาที ถ้าเป็นไฟบ้าน จะใช้เวลา 8-12 ชั่วโมง


ถ้าเกิดน้ำท่วมหรือขับลุยน้ำ รถยนต์ไฟฟ้าจะอันตรายไหม?

ถ้าเกิดน้ำท่วมหรือขับลุยน้ำ รถยนต์ไฟฟ้าจะอันตรายไหม เราเข้าใจว่าคุณอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่สบายใจได้เลย เพราะในตอนนี้รถไฟฟ้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ถูกออกมาแบบมาให้กันน้ำได้อย่างปล่อยภัย แม้จะเป็นการขับลุยน้ำท่วม ตัวแบตเตอรี่หรือชิ้นส่วนไฟฟ้าแรงสูงจะได้รับการติดตั้งในกล่องที่ปิดสนิทและกันน้ำได้ดี นอกจากนี้ยังมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ ที่จะทำงานทันทีหากตรวจพบความผิดปกติจากการสัมผัสกับน้ำ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟดูดแน่นอน


แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้วจะนำไปกำจัดหรือรีไซเคิลได้อย่างไร?

แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้วจะนำไปกำจัดหรือรีไซเคิลได้ โดยการส่งคืนแบตเตอรี่ให้ศูนย์บริการ ดยจะมีการนำสารประกอบสำคัญ เช่น ลิเธียม, โคบอลต์, และนิกเกิล ออกมาใช้ใหม่ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการขุดหาแร่ธาตุใหม่ และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ แบตเตอรี่บางก้อนที่ยังมีประสิทธิภาพอยู่บ้างอาจถูกนำไป ใช้ซ้ำ สำหรับการกักเก็บพลังงานสำรองในอาคารหรือใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการพลังงานสูงมากนัก